ทำเรซูเม่ออนไลน์

ทำเรซูเม่สมัครงาน ที่แสดงถึงความเก่งกาจของคุณออกมาได้ดีที่สุด พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการสมัครงาน ใช้งานได้จริง สมัครแล้วได้งานเร็ว

ทำเรซูเม่ของฉัน

ทำเรซูเม่
ทำความรู้จักกับ CV (Curriculum Vitae) โดยละเอียด

ทำความรู้จักกับ CV (Curriculum Vitae) โดยละเอียด

By: | 1 สิงหาคม | 45,057 views | 911 shares


เราเคยได้ยินคำว่า CV กันมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ก็ไม่เคยได้เรียนรู้กันจริง ๆ สักทีว่า CV คืออะไรกันแน่ ใช้งาน CV อย่างไร และมันแตกต่างจากเรซูเม่ตรงไหนบ้าง ในวันนี้ทีมงาน Resume.in.th เราจะมาไขข้อสงสัยกัน พร้อมทั้งอธิบายถึงวิธีการเขียน CV กันอย่างละเอียด

CV คืออะไร

CV เป็นคำภาษาลาตินย่อมาจาก Curriculum Vitae หรือแปลว่าประวัติชีวิต มันคือเอกสารชุดหนึ่งที่อธิบายถึงประวัติทางการศึกษา และการทำงานของบุคคลหนึ่ง ๆ อย่างละเอียด เพื่อใช้งานในการสมัครงานอย่างเป็นทางการ โดย CV จะเน้นการใส่ข้อมูลทั้งหมดลงไปเพื่อให้ผู้อ่านสามารถทำความรู้จักกับผู้สมัครงานคนนั้นอย่างลึกซึ้งจริง ๆ ไม่มีการสรุปเพื่อให้สั้นลง มักจะเน้นใช้ CV ในการสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับวิชาการเป็นหลัก โดยใน CV นี้ก็จะมีข้อมูลต่าง ๆ คือ

ส่วนมากแล้ว CV จะมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 2-3 หน้า สำหรับในกลุ่มผู้สมัครงานทั่วไป แต่ CV ของผู้สมัครงานที่มีประสบการณ์โชกโชนก็จะมีความยาวที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามผลงานของแต่ละคน ในบางครั้งเราอาจจะได้เห็น CV ที่มีความยาวเกิน 10 หน้าเลยด้วยซ้ำ ดังที่กล่าวเอาไว้ในตอนแรกว่า CV คือข้อมูลละเอียดของผู้สมัครงาน เราไม่มีการตัดข้อมูลอะไรทิ้งเพื่อจำกัดความยาวของหน้าลง มีอะไรเราจะใส่มันลงไปให้หมดแบบไม่กั๊ก

ส่วนมากแล้ว CV จะใช้ในการสมัครงานในวงการแพทย์ ค้นคว้า วิทยาศาสตร์ และวิชาการ

เรซูเม่คืออะไร

เรซูเม่ (Resume) เป็นคำในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่าสรุป ดังนั้นเรซูเม่คือ เอกสารสรุป ที่เน้นสรุปประวัติของผู้สมัครงาน ในรูปแบบย่อที่สรุปประวัติส่วนตัวลงในเอกสารที่มีความยาวจำกัดที่ 1-2 หน้า เป้าหมายคือให้ HR ผู้อ่านเรซูเม่สามารถทำความเข้าใจกับบุคคลคนหนึ่ง ๆ ได้ภายในเวลาไม่เกิน 1 นาที เรซูเม่จึงมุ่งเน้นไปที่สั้น กระชับ และได้ใจความ ซึ่งจะตรงกันข้ามกับ CV ที่เน้นใส่รายละเอียดทั้งหมดลงไปจนมีความยาวหลายหน้านั่นเอง

เรซูเม่มักจะยาวเพียง 1 หน้าเท่านั้น และแสดงจุดเด่นของตัวเองที่เหมาะกับตำแหน่งงานที่สมัคร

ผู้สมัครงานที่ประสบความสำเร็จ มักจะเขียนเรซูเม่ 1 ใบ ต่อตำแหน่งงานที่จะสมัคร 1 ตำแหน่ง เพราะว่าพวกเขาสามารถเลือกเน้นประวัติในบางช่วงของเรซูเม่ ให้ตรงกับตำแหน่งงานที่จะสมัครได้ เช่นถ้าหากคุณเคยทำงานพนักงานขาย ที่เคยขายสินค้ามาหลายตัว แต่คุณจะสมัครงานตำแหน่งที่จะต้องขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ คุณก็จะเขียนเรซูเม่ของตัวเองให้เน้นประสบการณ์ด้านที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้มากกว่าอย่างอื่น เป็นต้น

CV และเรซูเม่ แตกต่างกันอย่างไร?

อย่างที่ได้อธิบายไปในตอนต้นแล้วว่า CV คือเอกสารที่เขียนรายละเอียดของผู้สมัครงานทั้งหมดลงไป ส่วนเรซูเม่คือเอกสารสรุปประวัติของผู้สมัครงานคนนั้น ๆ ทีมงาน Resume.in.th ได้สรุปข้อมูลเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง CV และเรซูเม่ลงในตารางนี้แล้วครับ

CVเรซูเม่
Curriculum Vitae มาจากภาษาลาตินแปลว่า "ประวัติชีวิต"Resume มาจากภาษาฝรั่งเศสแปลว่า "สรุป"
เน้นประวัติการศึกษา ผลงานวิชาการเน้นประสบการณ์การทำงาน และสกิลต่างๆ
ใช้เพื่อสมัครงานทางด้านวิชาการเป็นหลักใช้สมัครงานทั่ว ๆ ไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิชาการ
มีรูปแบบเดียวคือเรียงข้อมูลตามเวลามีสามรูปแบบคือสามารถเรียงข้อมุลตามเวลา ตามความเหมาะสม หรือจะผสมผสานกันก็ได้ทั้งนั้น
มีความยาว 2-3 หน้าหรือมากกว่านั้นมักจะยาวเพียง 1-2 หน้าเท่านั้น
ส่วนของประวัติการศึกษาจะอยู่ด้านบนสุดเสมอส่วนของประวัติการศึกษามักจะอยู่ล่างสุด ในกรณีของผู้สมัครงานที่มีประสบการณ์
เนื่องจากใช้ในการสมัครงานวิชาการ จึงใช้ธีมเรียบ ๆ วิชาการ ไม่มีลูกเล่นอะไรสามารถตบแต่งเรซูเม่ด้วยสีต่าง ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อความสวยงามได้
CV จะเน้นใช้สมัครงานทางด้านวิชาการเท่านั้น ถ้าคุณสมัครงานทั่วไปแล้วล่ะก็ ให้คุณทำเป็นเรซูเม่แทน

เพื่อให้บทความนี้ของเราเน้นทำความรู้จักกับ CV เป็นหลัก เราจะหยุดพูดถึงเรซูเม่แล้วล่ะ หากคุณสนใจอ่านข้อมูลเพิ่มเติม คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ความแตกต่างระหว่าง CV และ Resume ได้ในอีกบทความหนึ่งที่เราเขียนขึ้นได้ด้วยครับ

CV ต่างจาก Resume อย่างไร

คุณจะต้องรู้ตัวก่อนว่าจะทำ CV หรือ Resume กันแน่นะ !?

ก่อนที่คุณจะเริ่มทำงานใด ๆ ก็ตาม คุณจะต้องรู้ตัวเองก่อนว่าคุณต้องการจะทำอะไร มีเป้าหมายอย่างไร ในกรณีนี้คือคุณจะต้องรู้ตัวแล้วล่ะว่าคุณจะทำ CV หรือจะทำเรซูเม่กันแน่นะ เลือกให้ถูกซะก่อนแล้วค่อยเริ่มทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการนะครับ

หรือถ้ามาถึงจุดนี้แล้วคุณเริ่มรู้ตัวแล้วล่ะว่าไม่ได้ต้องการจะทำ CV แต่คุณต้องการจะทำเรซูเม่ต่างหาก ก็สามารถใช้ระบบทำเรซูเม่ออนไลน์ของ Resume.in.th ได้ที่นี่เลยครับ

ทำเรซูเม่ออนไลน์ฟรี

แต่ถ้าคุณมั่นใจแล้วล่ะว่ามาถูกทางแล้ว และคุณจำเป็นต้องใช้ CV ยาวเพื่อสมัครงานเกี่ยวกับวิชาการแล้วล่ะก็ ขอให้ไปต่อกันกับเราได้เลย เรามีเทคนิควิธีเขียน CV พร้อมเช็คลิสต์ต่าง ๆ มาฝากคุณกัน ตรงนี้อาจจะยาวสักนิด ถ้าหากาแฟหรือขนมมากินไปอ่านไปคู่กันได้ก็ไม่เลวนะครับ

วิธีการเขียน CV

เมื่อคุณต้องเขียน CV ของตัวเองขึ้นมาก็ขอให้ย้อนนึกถึงเป้าหมายของ CV กันสักนิดว่าคือการบรรยายประวัติส่วนตัวของคุณอย่างละเอียดลงไปในเอกสาร ดังนั้นคุณจะต้องเขียนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณลงไปอย่างไม่กั๊ก และเนื่องจากมันเป็นเอกสารวิชาการ คุณจึงจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการเขียนมันขึ้นมา ถ้าหากว่าคุณไม่เก่งอังกฤษแล้วก็คงจะทำให้การสมัครงานของคุณไม่ราบลื่นอย่างแน่นอน

1. ใช้ธีมวิชาการในการทำ CV

ณ จุดนี้คุณจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าคุณไม่สามารถใช้ธีมเรซูเม่ที่มีสีสันสวยงาม เนื่องจาก CV เป็นเอกสารสรุปประวัติของคุณในแนววิชาการ เพื่อสมัครงานวิชาการ ดังนั้นคุณก็จะต้องเใช้ธีมแบบธรรมดาที่สุด ด้วยกระดาษสีขาว ตัวอักษรสีดำ และการตบแต่ง CV ของคุณก็จะต้องเป้นไปตามหลักการเขียนหนังสือวิชาการ การใช้ตัวหนา ตัวเอียง ไปจนกระทั่งการขีดเส้นใต้

2. ใส่ข้อมูลการติดต่อของคุณ

ข้อมูลการติดต่อของคุณจะเริ่มจากชื่อและนามสกุลก่อนเลย ต่อด้วยวิธีการติดต่อเช่น e-mail และเบอร์โทรศัพท์ ส่วนที่อยู่ถือว่าไม่ใช่สิ่งจำเป็น ให้ใส่ลงไปเพียงเมืองหรือจังหวัดที่คุณอยู่ และหากคุณสมัครงานที่ต่างประเทศก็ให้ใส่รัฐ และรหัสไปรษณีย์ของคุณลงไปด้วยก็พอ

จังหวัด หรือเมืองที่คุณอยู่ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้รับสมัครงานสามารถทำความเข้าใจได้ทันทีว่าคุณอยู่ห่างจากสถานที่ทำงานที่กำลังเปิดรับสมัครอยู่มากหรือน้อยเพียงไหน และคุณสามารถเดินทางไปทำงานได้หรือไม่นั่นเอง ในกรณีนี้คุณสามารถใส่ชื่อเมืองที่คุณสะดวกจะย้ายไปพักได้เช่นกัน มันจะเพิ่มโอกาสที่คุณจะได้งานมากขึ้นอีกสักนิดนึงก็ยังดี

3. ใส่ประวัติการศึกษาของคุณลงไปอย่างละเอียด เรียงจากใหม่ไปเก่า (ล่าสุดอยู่บน)

ส่วนที่มีความสำคัญมาก ๆ ส่วนแรกสุดคือประวัติการศึกษาของคุณ ที่คุณจะต้องใส่ลงไปอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่คุณสามารถจะใส่มันลงไปได้ ระดับวุฒิ ชื่อมหาวิทยาลัย ชื่อคณะ วิชาเอก วิชาโท รายชื่อธีสิส และผลงานวิชาการต่าง ๆ ที่คุณได้ผ่านมา

Tips: เรียงข้อมูลจากใหม่ไปเก่า (ล่าสุดอยู่บน)

โดยให้เรียงจากใหม่ไปเก่าเสมอ (ล่าสุดอยู่บน) เน้นเรียงตามปีที่คุณได้จบการศึกษามา (หรือกำลังศึกษาอยู่) โดยคุณไม่จำเป็นจะต้องใส่วันที่ที่ชัดเจนลงไปหรอกนะ คือใส่ได้ก็ดี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร คุณสามารถใส่ข้อมูลลงไปได้รวมไปถึง Post-doctoral (คอร์สที่สูงกว่าดอกเตอร์ขึ้นไปอีก) ลงไปได้หมดเลยนะ

4. ใส่ประวัติการทำงานของคุณลงไปอย่างละเอียด เรียงจากใหม่ไปเก่า (ล่าสุดอยู่บน)

ใส่ประวัติการทำงานของคุณลงไปอย่างละเอียด โดยหากคุณเคยทำงานมาหลายที่แล้วก็ให้ใส่งานล่าสุดอยู่ด้านบน และเรียงลงไปจนถึงงานเก่าสุดที่อยู่ด้านล่าง ใส่ชื่อบริษัทหรือองค์กรที่คุณทำงานด้วยให้ชัดเจน เขียนชื่อบริษัทเต็ม ๆ ไม่ใช้ชื่อย่อ หรือสะกดชื่อบริษัทของคุณผิด ใส่ตำแหน่งงาน หน้าที่การทำงาน โดยให้เน้นใช้บุลเล็ตเพื่อสรุปข้อมูลต่าง ๆ ให้อ่านง่ายและเป็นระเบียบ

แกรมม่าร์ต้องเป๊ะก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องเขียนให้เป็นประโยค แต่ให้เขียนเริ่มต้นในแต่ละบุลเล็ตของคุณด้วย Verb แทน เพื่อให้อ่านง่ายและตัดการใช้คำเวิ่นเว้อต่าง ๆ

ใส่ตัวเลขต่าง ๆ ที่คุณได้ทำในตำแหน่งงานนั้นๆให้กับบริษัทต่างๆลงไปด้วย เช่น จำนวนกำไร ที่คุณสามารถเพิ่มให้กับบริษัทนั้น ๆ จำนวนงานที่เพิ่มขึ้น เมื่อคุณได้ช่วยในกระบวนการต่าง ๆ ที่คุณได้ปรับปรุงให้มันดีขึ้น ไปจนกระทั่ง จำนวนพนักงาน ที่คุณได้กำกับและดูแลภายใต้การบริหารทีมงานของคุณเป็นต้น

5. ใส่สกิลและทักษะต่าง ๆ ของคุณ

นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญใน CV ของคุณที่คุณจะต้องใส่สกิลและทักษะต่าง ๆ ของคุณลงไปทั้งหมด รวมไปถึง hard skills เช่นการคำนวน และ soft skills ต่าง ๆ เช่นการจัดการบริหารผู้คนเป็นต้น

6. ใส่รางวัล ทุนการศึกษา และผลงานทางวิชาการของคุณลงไป

นี่เป็นจุดที่ทำให้ผู้สมัครงานสามารถเรียกเงินเดือนสูง ๆ ได้ ถ้าหากคุณได้รับรางวัลทางวิชาการ หรือมีผลงานทางวิชาการต่าง ๆ ก็ให้ใส่ลงไปในส่วนนี้ให้หมด อย่าเหลือไว้ ใส่ปีที่ได้รับรางวัล ชื่อรางวัล และชื่อสถาบันที่แจกรางวัลเหล่านั้นด้วยนะ

7. ใส่ผลงานวิชาการที่ได้รับการนำเสนอ หรือตีพิมพ์ของคุณลงไป

ถ้าหากคุณเคยขึ้นไปกล่าวอะไรสักอย่างหนึ่ง หรือเคยได้รับการตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการด้วยแล้ว ก็ให้ใส่ลงไปในส่วนนี้ให้ละเอียดด้วย โดยให้ใส่ตามหลักการ citing ที่คุณเคยได้ใช้มาแล้วตอนเขียนวิทยานิพนธ์ หรือในบทความวิชาการของคุณ ใส่ให้ครบ ๆ ตั้งแต่ชื่อผู้เขียนบทความ วันที่ตีพิมพ์ เล่มที่ เลขหน้า และเลข DOI ส่วนถ้าเป็นการบรรยายก็ให้ใส่วันที่ ชื่องาน และสถานที่ลงไปด้วย

8. ใส่รายชื่อสมาคมวิชาชีพ และองค์กรที่คุณมีส่วนร่วมลงไป

อย่าลืมใส่ชื่อองค์กรให้ถูกต้อง และเป็นชื่อเต็ม หากมีชื่อย่อก็ให้ใส่ชื่อเต็มลงไปด้วยทุกครั้ง และอย่าสะกดผิดเด็ดขาดเพราะจะทำให้คุณดูไม่ดี ใส่สถานที่ตั้งขององค์กรนั้น ๆ และช่วงเวลาที่คุณได้มีส่วมร่วมกับองค์กรนั้น ๆ ด้วย

9. อ่านทบทวน proofread และอัพเดท CV ของคุณอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ

ก่อนที่จะส่ง CV ของคุณเพื่อสมัครงานทุกครั้งก็ขอให้ proofread อ่านทบทวนและแก้ไขในสิ่งที่ผิดของ CV ของคุณก่อน นี่เป็นสิ่งที่นักวิชาการทุกคนควรจะทำเป็นประจำสม่ำเสมออยู่แล้ว และอย่าลืมว่า CV ของคุณอันนี้ใช้สมัครงานทางวิชาการ ดังนั้นความถูกต้องของข้อมูล การเรียงข้อมูล ตัวสะกดต่าง ๆ จึงจะต้องเป๊ะ 100% ไม่ควรจะมีสิ่งที่ผิดพลาดอะไรอยู่ในนั้น

บทสรุป

สุดท้ายให้ส่งไฟล์ CV เพื่อสมัครงานด้วยรูปแบบ PDF ส่งจากอีเมล์ที่เป็นทางการของคุณ เพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุด สุดท้ายนี้ขอให้คุณโชคดี เขียน CV ที่ดีที่สุดของตัวเองขึ้นมาได้ และได้งานที่ใฝ่ฝันถึง ด้วยเงินเดือนที่คุณพอใจ ขอบพระคุณมากที่คุณอ่านมาจนจบถึงย่อหน้าสุดท้ายนี้ ถ้าหากว่าคุณได้รับประโยชน์อะไรจากบทความนี้ของพวกเรา พวกเราก็มีความสุขแล้วครับ

สร้างเรซูเม่สมัครงาน
ประสิทธิภาพสูง

สร้างเรซูเม่สมัครงาน ที่แสดงถึงความเก่งกาจของคุณออกมาได้ดีที่สุด
พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการสมัครงาน ใช้งานได้จริง สมัครแล้วได้งานเร็ว

เริ่มใช้งานฟรี

แบ่งปันบทความดีๆให้เพื่อนฝูง


Tags: #เรซูเม่ #เรซูเม่สมัครงาน #CV #Curriculum Vitae #Resume

ขอบคุณ:

บทความดีๆ เกี่ยวกับเรซูเม่

CV กับ Resume ต่างกันอย่างไร? ควรจะใช้อันไหนดี?

CV กับ Resume ต่างกันอย่างไร? ควรจะใช้อันไหนดี?

CV และ Resume ต่างกันอย่างไร? CV (Curriculum Vitae) จะเน้นเขียนประวัติทั้งหมดโดยจะมีความยาวมาก ส่วนเรซูเม่ (Resume) จะเน้นสรุปประวัติลงในหน้าเดียว ใช้อันไหน
วิธีเขียนเรซูเม่ สมัครงาน ให้โดนใจได้งาน

วิธีเขียนเรซูเม่ สมัครงาน ให้โดนใจได้งาน

เทคนิคการเขียนเรซูเม่ ให้ได้เรซูเม่ออกมาดีมีคุณภาพพร้อมส่งสมัครงาน เทคนิคการเขียนเรซูเม่ที่ดีได้ง่าย ๆ อัพเดทเรซูเม่ก่อนสมัครงานใหม่ทุกครั้งด้วยวิธีนี้เลย
ตัวอย่าง Career Objective ของนักบัญชีสายงานต่างๆ

ตัวอย่าง Career Objective ของนักบัญชีสายงานต่างๆ

รวมตัวอย่างจุดมุ่งหมายในการทำงาน (Career Objective) ของงานบัญชีโดยเฉพาะมาไว้ด้วยกันแล้ว เลือกใช้ได้ตามต้องการเลย เราแบ่งออกเป็นตามประสบการณ์ทำงานเอาไว้แล้ว
วิธีใส่งานอดิเรกที่มีประโยชน์ลงในเรซูเม่ เพิ่มโอกาสการได้งาน

วิธีใส่งานอดิเรกที่มีประโยชน์ลงในเรซูเม่ เพิ่มโอกาสการได้งาน

ใส่งานอดิเรกลงในเรซูเม่ดีไหม? เป็นคำถามที่นักศึกษาจบใหม่ และผู้ไม่มีประสบการณ์ทำงานถามกันอยู่เสมอ ๆ มาดูเคล็ดลับการใส่งานอดิเรกที่มีประโยชน์ลงในเรซูเม่กัน
Career Objective จุดมุ่งหมายในการทำงาน ในเรซูเม่ สมัครงาน

Career Objective จุดมุ่งหมายในการทำงาน ในเรซูเม่ สมัครงาน

Career Objective หรือจุดมุ่งหมายในการทำงาน ทำหน้าที่เหมือนกับการแนะนำตัวผู้สมัครงาน ให้กับ HR ได้รู้จักคร่าวๆ ว่าตัวเองมีอะไรเป็นเป้าหมายในการทำงานอย่างไร
วิธีการใส่ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลติดต่อลงในเรซูเม่ ที่ถูกต้อง

วิธีการใส่ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลติดต่อลงในเรซูเม่ ที่ถูกต้อง

เทคนิคในการใส่ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลติดต่อ ลงในเรซูเม่อย่างถูกต้อง เพื่อให้เรซูเม่ของคุณสมบูรณ์แบบ มีข้อมูลติดต่อที่ถูกต้อง และข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญครบถ้วน
รูปสมัครงานในเรซูเม่ ใส่อย่างไรให้ถูกต้อง

รูปสมัครงานในเรซูเม่ ใส่อย่างไรให้ถูกต้อง

สิ่งแรกที่ฝ่ายบุคคลจะเห็นในเรซูเม่ก็คือ รูปสมัครงานของคุณ ซึ่งรูปสมัครงานนี้ถ้าใช้ให้ถูกรูป ก็จะมีประโยชน์ แต่ถ้าใส่รูปผิดล่ะก็ ชีวิตเปลี่ยนแน่นอน ในวันนี้
ตัวอย่างเรซูเม่สายไอที นักศึกษาจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์

ตัวอย่างเรซูเม่สายไอที นักศึกษาจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์

ตัวอย่างเรซูเม่นักศึกษาจบใหม่สายไอที ไม่มีประสบการณ์ เรซูเม่เปรียบเสมือนประตูสู่ความสำเร็จในการสมัครงานเพราะเป็นเอกสารแรกที่นายจ้างจะได้เห็น โดยเฉพาะสายไอที
เด็กจบใหม่ ใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่อย่างไร ให้ได้เปรียบ

เด็กจบใหม่ ใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่อย่างไร ให้ได้เปรียบ

ในกลุ่มเด็กจบใหม่ ประสบการณ์ฝึกงานที่ตรงสายกับตำแหน่งงานที่เราสมัคร มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก และสามารถสร้างความได้เปรียบให้คุณเหนือคู่แข่งได้เป็นอย่างดี
วิธีการใส่บุคคลอ้างอิง ลงในเรซูเม่

วิธีการใส่บุคคลอ้างอิง ลงในเรซูเม่

บุคคลอ้างอิง คือ บุคคลที่มีความรู้ความสามารถและสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครงานได้อย่างตรงไปตรงมาและเชื่อถือได้ บุคคลอ้างอิงที่เหมาะสมควรเป็นบุคคลที่รู้
วิธีการใส่ใบอนุญาต ลงในเรซูเม่ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

วิธีการใส่ใบอนุญาต ลงในเรซูเม่ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การใส่ใบอนุญาตลงในเรซูเม่ แสดงให้เห็นถึงความรู้ ทักษะ หรือความสามารถเฉพาะด้านที่มี ทำให้เรซูเม่น่าสนใจและโดดเด่นมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการได้งาน เลื่อนตำแหน่ง
วิธีการใส่คอร์สเรียน และใบประกาศลงในเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการใส่คอร์สเรียน และใบประกาศลงในเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคดีๆ ระบุชื่อคอร์สเรียน หรือใบประกาศ ระบุชื่อสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่จัดหลักสูตร ระบุวันที่เริ่มเรียนและวันที่จบ ระบุคะแนนหรือเกรดเฉลี่ย (ถ้ามี)

เราได้รับความไว้วางใจจาก ผู้สมัครงานทั่วประเทศไทย

ตัวเลขเหล่านี้เป็นหลักฐานว่าทำไมถึงมีคนใช้งานเยอะ

800K

เรซูเม่ทั้งหมดที่สร้าง

30

ธีมเรซูเม่

215

สาขาอาชีพ

1.5K

จำนวนผู้ติดตาม