ทำเรซูเม่ออนไลน์

ทำเรซูเม่สมัครงาน ที่แสดงถึงความเก่งกาจของคุณออกมาได้ดีที่สุด พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการสมัครงาน ใช้งานได้จริง สมัครแล้วได้งานเร็ว

ทำเรซูเม่ของฉัน

ทำเรซูเม่
วิธีเขียนเรซูเม่ สมัครงาน ให้โดนใจได้งาน

วิธีเขียนเรซูเม่ สมัครงาน ให้โดนใจได้งาน

By: | 3 ธันวาคม | 355,400 views | 7,145 shares


สวัสดีครับ วันนี้พวกเรา เรซูเม่อินไทย ก็มาแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการเขียนเรซูเม่ และการสมัครงานกันเช่นเคย ช่วงที่ผ่านมามีผู้สมัครงานหลายท่าน ทั้งที่เพิ่งจบใหม่ และมีประสบการณ์กันมาอย่างโชกโชนแล้วก็ตาม ถามคำถามหนึ่งกับพวกเราอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ วิธีเขียนเรซูเม่สมัครงาน อย่างไรให้โดนใจ HR (ฝ่ายสรรหาบุคลากรของบริษัท) เพื่อให้การสมัครงานของคุณราบลื่น ได้เปรียบคู่แข่ง และได้งานที่ฝันเอาไว้ พวกเราจะมาตอบคำถามนี้กันในวันนี้อย่างละเอียดครับ

ทำความรู้จักกับเรซูเม่ (Resume)

เรซูเม่ (Resume) คือเอกสารสรุปประวัติการทำงานส่วนบุคคล โดยเน้นให้สั้น กระชับ และครบถ้วน เพื่อใช้ในการสมัครงาน ส่วนมากจะมีความยาวเพียง 1-2 หน้ากระดาษเท่านั้น ในเรซูเม่จะเขียนถึงประวัติการทำงาน ประวัติการศึกษา จุดมุ่งหมายในการทำงาน และความรู้ความสามารถสำคัญที่มีประโยชน์ต่อตำแหน่งงานที่สมัคร ทำให้ HR สามารถทำความรู้จักกับผู้สมัครงานได้ในระยะเวลาสั้น ๆ

เวลาสมัครงานเราจะส่งเรซูเม่ของเราให้กับ HR บริษัท เพื่อให้ HR สามารถทำความรู้จักกับเราได้อย่างคร่าว ๆ ว่าเรามีความใกล้เคียงเหมาะสมกับตำแหน่งงานว่างนั้น ๆ ขนาดไหน และถ้ามีความใกล้เคียงก็จะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์งานเพื่อเจาะลึกอีกทีหนึ่ง ดังนั้นเรซูเม่ที่ดีจึงจะต้องเป็นเรซูเม่ที่ทำให้ HR เห็นภาพรวมของเราได้นั่นเอง

เรซูเม่สมัครงาน
ตัวอย่างเรซูเม่สมัครงาน

เรซูเม่อินไทย ได้สรุปเทคนิควิธีเขียนเรซูเม่ ที่โดนใจ HR ออกมาเป็นข้อๆ โดยละเอียดตามนี้ครับ

1. บริหารข้อมูลในเรซูเม่ให้ดี

เรซูเม่เป็นเอกสารสรุป ที่มุ่งเน้นให้ HR สามารถมองปราดเดียวแล้วเข้าใจได้ภายในหนึ่งนาทีว่าตัวเราเป้นใคร จบอะไร ทำอะไรมา ถนัดด้านไหน เรซูเม่ที่ดีจึงควรจะต้องเขียนให้จบได้ภายใน 1-2 หน้ากระดาษเท่านั้น การเขียนเรซูเม่ให้ดีจึงเป็นการแสดงความสามารถในการสรุปใจความของเรา ให้ HR ได้เห็นผ่านผลงานของเรา ซึ่งก็คือตัวเรซูเม่นี้ ถ้าใครยังมองไม่เห็นภาพรวมนัก ลองแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วน ๆ ตามไกด์ไลน์นี้ดูสิครับ

บัณฑิตจบใหม่

ผู้สมัครงานมีประสบการณ์ทำงานแล้ว

2. พื้นที่ว่าง คือการเปิดเผยจุดอ่อนของตัวเอง เลี่ยงไว้เป็นดี

การกรอกข้อมูลให้ครบ ถือเป็นกฎเหล็กของการสมัครทุกอย่างในโลกนี้ ไม่ใช่แค่การสมัครงานอย่างเดียว ซึ่งผู้รับเอกสารต่าง ๆ จะมองภาพรวมของตัวคุณจากการที่คุณปล่อยพื้นที่ว่างๆเอาไว้ด้วย ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ในเรซูเม่นี้ก็เป็นข้อมูลส่วนตัวของคุณเองทั้งนั้น ถ้าคุณปล่อยทิ้งว่าง ๆ เอาไว้เยอะ ๆ ก็แสดงว่าคุณไม่รู้จักตัวเองดีพอ และคนที่ไม่รู้จักตัวเองดีพอ ก็จะยังไม่พร้อมในการสมัครงานอย่างแน่นอน

ตัวอย่างเรซูเม่ที่ใช้พื้นที่ได้ดี

เรซูเม่ที่น่าสนใจ #1
เรซูเม่ที่น่าสนใจ #2
เรซูเม่ที่น่าสนใจ #3
เรซูเม่ที่น่าสนใจ #4

3. ใส่รูปถ่ายสุภาพ ที่แสดงความตั้งใจจริง

การสมัครงานถือว่าเป็นขั้นตอนในระดับมืออาชีพ ซึ่งผู้สมัครงานเองก็จะต้องแสดงความเป็นมืออาชีพออกมาด้วย รูปสมัครงาน ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากในระดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ รูปที่ดีที่สุดที่คุณควรจะใส่ในเรซูเม่จึงเป็น รูปติดบัตร ที่จะทำให้เรซูเม่ของคุณเป็นทางการมากพอ ถ้าไม่มีรูปติดบัตร ก็สามารถใช้รูปถ่ายตัวเองหน้าตรง กับพื้นหลังเรียบ ๆ เช่นกำแพงบ้านก็ได้นะ

ส่วนรูปอื่น ๆ ที่ไม่ใช่รูปติดบัตร จะทำให้คุณเสียโอกาสในการสมัครงานไปไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว รูปที่ไม่เหมาะสมต่าง ๆ ที่ HR เคยได้รับในเรซูเม่ แล้วโดนโยนทิ้งลงถังขยะทันทีก็ได้แก่ รูปเซลฟี่ รูปไปเที่ยว รูปถ่ายตัวเองสะท้อนในกระจก(ห้องน้ำ) รูปกับรถ รูปตอนกินหมูกระทะ รูปยืนหันข้าง หันหลัง รูปใส่แว่นกันแดด ใส่มาสก์ มองไม่เห็นหน้าเลย เป็นต้น

4. เขียนรายละเอียดส่วนตัวของตัวเอง การติดต่อให้ชัดเจน

รายละเอียดส่วนตัวถือเป็นอีกสิ่งที่ชี้เป็นชี้ตายในการสมัครงานได้เช่นกัน เมื่อคุณเขียนเรซูเม่มาอย่างดี แต่คุณดันใส่เบอร์โทรศัพท์ตัวเองผิด ในอีเมล์ตัวเองผิด HR ก็ติดต่อนัดคุณไปสัมภาษณ์งานไม่ได้ แล้วคุณก็ไม่รู้ตัวด้วยเช่นกันว่าทำไมไม่ได้งานสักที เรื่องสำคัญแบบนี้อย่ามองข้ามนะครับ เขียนให้ถูก อ่าน ตรวจทาน หลายๆรอบให้ถูกต้องจริง ๆ ไม่อย่างนั้นแล้วน้ำตาจะเช็ดหัวเข่าเอา

สำหรับผู้ที่เขียนที่อยู่ของตัวเอง อยู่คนละจังหวัดกับบริษัท ก็ให้เขียนกำชับให้ดีนะครับว่าเรากำลังหางานในจังหวัดนี้จริง ๆ ไม่ได้สมัครงานข้ามจังหวัดโดยที่เราไม่รู้นะ

5. ใส่รายละเอียดของงานที่เคยทำให้ชัดเจน ยาวมากพอ

มาถึงส่วนสำคัญที่สุดของเรซูเม่สมัครงานกันแล้ว นั้นก็คือส่วนของรายละเอียดในการทำงานที่ผ่านๆมาของคุณ ให้ใส่ข้อมูลให้เยอะมากพอ เคยทำงานตำแหน่งอะไร บริษัทไหนมา ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงเมื่อไหร่ เรียงลำดับจากงานล่าสุดก่อน ลงไปจนถึงงานเก่าสุดที่คุณเคยทำมา ซึ่งตรงนี้ถ้าคุณเคยผ่านงานมาหลายบริษัทมาก ๆ (เกิน 10 ปี) ก็สามารถเลือกที่จะเขียนเฉพาะบริษัทที่สำคัญๆก็พอแล้ว

และส่วนที่สำคัญมากที่สุดก็คือ หน้าที่การทำงาน ที่คุณจะต้องเขียนสรุปลงไปว่าคุณได้ทำงานอะไรลงไปบ้างในตำแหน่งงานนั้น ๆ ซึ่งจะต้องมีความยาวที่พอดี ไม่น้อยเกินไปจนอ่านจับใจความไม่ได้ และไม่มากเกินไปจนน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง โดยส่วนมากแล้วข้อมูลตรงนี้จะมีความยาวประมาณ 3-5 บรรทัด ต่อตำแหน่งงานที่คุณเคยทำมา ตรงนี้จะมีรายละเอียดมากพอสมควร หากคุณสนใจล่ะก็สามารถอ่านเทคนิคการ ใส่ประสบการณ์ทำงาน ลงในเรซูเม่อย่างมืออาชีพได้

ตัวอย่างเรซูเม่
ตัวอย่างเรซูเม่ที่ใส่รายละเอียดการทำงานมากพอ

ถ้าหากว่าคุณเป็นบัณฑิตจบใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ล่ะก็ ให้ใส่รายละเอียดของประสบการณ์ฝึกงานลงไปในส่วนนี้แทน อย่าปล่อยว่างเอาไว้เด็ดขาด เพราะเมื่อคุณคือเด็กจบใหม่ คู่แข่งของคุณก็คือเด็กจบใหม่เหมือนกัน และ HR ก็มักจะเลือกเด็กจบใหม่ที่มีความเข้าใจ และเขียนรายละเอียดการฝึกงานของตัวเอง เอาไว้ก่อนคนที่ปล่อยว่างเอาไว้อย่างแน่นอน เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็มาใส่ข้อมูลการฝึกงานกันนะครับ

6. ใส่รายละเอียดการศึกษาของตัวเอง

รายละเอียดการศึกษาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คุณจะต้องใส่รายละเอียดการศึกษาของคุณตั้งแต่วุฒิสูง ลงมาถึงวุฒิต่ำ เรียงลำดับลงมา ใส่ชื่อสถานศึกษา คณะ เอก ให้อย่างละเอียด ห้ามเว้นเอาไว้เช่นกัน เพราะว่ามีงานเฉพาะทางหลาย ๆ งานที่จะรับเฉพาะนักศึกษาบางคณะ หรือบางเอกเท่านั้น เช่น วิศวกรรมโยธา สถาปนิกภายใน กฎหมาย เป็นต้น

หลายๆคนมีข้อสงสัยว่า เราจะต้องใส่เกรดเฉลี่ย (GPA) ลงไปด้วยไหม คำตอบคือไม่จำเป็นจะต้องใส่ลงไป ไม่ได้มีการบังคับใด ๆ ถ้าคุณมีเกรดเฉลี่ยอยู่ในระดับ 3.00 ขึ้นไป ถ้าคุณใส่เกรดลงไปด้วย คุณจะเพิ่มโอกาสในการได้งานของคุณ แต่ถ้าคุณมีเกรดที่ต่ำกว่า 2.50 การเลือกที่จะไม่ใส่เกรดลงไปจะทำให้คุณได้งานง่ายกว่านั่นเอง

7. สกิลทางด้านภาษาต่าง ๆ

ต่อไปเป็นความสามารถทางด้านภาษา ที่จะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเรซูเม่ของคุณ พวกเราเชื่อว่าอย่างน้อย ๆ ผู้สมัครงานทุกคนที่ได้อ่านบทความของเรา จะต้องได้ภาษาไทย อย่างน้อยละ 1 ภาษาแน่นอน ก็ให้กรอกลงไปด้วยนะครับว่าคุณสามารถอ่านเขียนพูดไทยได้ เป็นภาษาแม่เลย

ภาษาที่สองที่ควรจะได้กันก็คือภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเก่ง หรือไม่เก่งอย่างไร ก็ควรจะใส่ลงไปในเรซูเม่ด้วย ซึ่งถ้าหากว่าคุณไม่เก่งภาษาอังกฤษจริง ๆ ก็ให้ใส่ว่า Average ก็พอครับ อย่าไปใส่ว่าเก่งมากในระดับภาษาแม่ เดี๋ยวโดนคนอินเดียมาสัมภาษณ์งานแล้วจะขำไม่ออก

ส่วนภาษาที่สามขึ้นไป ถือเป็นกำไรชีวิตของคุณครับ ไม่ว่าคุณจะได้ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อิตาเลียน สแปนิช เยอรมัน ฯลฯ คุณก็สามารถใส่ลงไปได้เช่นกัน ซึ่งรวมไปถึงภาษาเพื่อนบ้านอย่างภาษาพม่า และภาษาลาวด้วย ถ้าได้ก็ใส่ลงไป

8. สกิลเฉพาะทางต่าง ๆ

สกิลเฉพาะทางต่าง ๆ ที่จะนับเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเท่านั้นครับ เช่น

  • สมัครงานโปรแกรมเมอร์: ถ้าหากคุณสามารถเขียนภาษา Java, Php, หรือ .Net ได้ ก็ให้ใส่มันลงไปอย่างชัดเจนว่าคุณเขียนภาษาอะไรได้ ใช้เฟรมเวิร์คอะไรเป็น เคยผ่านเครื่องมืออะไรมาบ้าง
  • สมัครงานคลังสินค้า: คุณสามารถขับรถโฟล์คลิฟท์ได้ มีใบขับขี่โฟล์คลิฟท์
  • สมัครงานเภสัชกร: คุณสามารถใส่ เลขที่ใบอนุญาต ของเภสัชกรลงไปในนี้ได้

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ กราฟแสดงค่าพลังว่าคุณเก่งขนาดไหน ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ทุกคนแหล่ะที่คิดว่าตัวเองเก่งจะเต็มหลอดกันทั้งนั้น แต่สุดท้ายหลาย ๆ บริษัทก็มีการสอบเข้าทำงานเพื่อวัดความสามารถของคุณจริง ๆ ถ้าหากว่าคุณเขียนว่าตัวเองเกือบเต็มหลอด แต่ผลสอบออกมาว่าคุณเก่งแค่ระดับพลังสีแดงกระพริบ ๆ ใกล้ตายแล้ว มันจะอับอายขายหน้าเอามาก ๆ เลยนะครับ

9. งานอดิเรก เลือกใส่เฉพาะอันที่มีประโยชน์กับงานจริง ๆ เท่านั้น

งานอดิเรกของคุณ ไม่ว่าจะเป็นดูหนังฟังเพลงต่าง ๆ ถือเป็นข้อมูลที่รู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ดี แต่ถ้าจะให้ดีก็ไม่ต้องใส่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ่าน (HR เขาบอกมายังงี้) เพราะว่า เรซูเม่คือพื้นที่สรุป ที่ใช้แสดงถึงประวัติการทำงานของคุณ ซึ่งคุณจะต้องบริหารพื้นที่นี้ให้เป็น (ย้อนกลับไปอ่านข้อ 1) ถ้าคุณปล่อยให้มีที่ว่างมากพอที่จะเขียนเรื่องที่ไม่จำเป็นลงไปล่ะก็ ถือว่าคุณมาผิดทางแล้ว ให้เอางานอดิเรกออกไป แล้วกลับไปใส่ข้อมูลในส่วนอื่นให้มากกว่านี้แทน

แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้างสำหรับบางงานอดิเรกที่มีประโยชน์ และถ้าใส่มันลงไปในเรซูเม่ก็จะมีผลดี ให้ลองอ่านบทความของเราเรื่อง งานอดิเรกที่น่าใส่ในเรซูเม่ ดูนะครับ

10. ธีมเรียบ ๆ มีข้อมูลเต็ม ๆ คือผู้ชนะเหนือคนที่ใช้ธีมเรซูเม่ฉูดฉาด แต่ข้อมูลนิดเดียว

คุณรู้หรือไม่ว่า 99% ของเรซูเม่ที่ได้งาน คือเรซูเม่ที่ใช้ธีมเรียบ ๆ กันทั้งนั้น เพราะว่า HR จะให้ความสำคัญกับข้อมูล การสรุปข้อมูล การจัดเรียงข้อมูลของคุณ ส่วนเรซูเม่ที่มีสีสันฉูดฉาดนั้นส่วนมากมักจะเกิดจากการที่ผู้สมัครงานต้องการทำให้เรซูเม่ของตัวเอง น่าสนใจ มากขึ้น เพราะเห็นว่าข้อมูลของตัวเองไม่มีอะไรน่าสนใจ จึงทำให้ หน้าตา เรซูเม่ของตัวเองมีสีสันฉูดฉาดเพื่อดึงความสนใจ ซึ่งต้องบอกตรง ๆ เลยครับว่ามาผิดทาง คุณควรจะต้องให้ความสำคัญกับข้อมูล และการจัดเรียง มาเป็นอันดับหนึ่งต่างหาก

แต่ก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน 1% ของเรซูเม่สีสันฉูดฉาดที่ได้งานนั้น จะเป็นกลุ่มผู้สมัครงานด้านครีเอทีฟ งานด้านกราฟฟิกดีไนเนอร์ เท่านั้น ที่จะต้องเน้นแสดงฝีมือของตัวเองลงในเรซูเม่นั่นเอง แต่ถ้าคุณไม่ได้สมัครงานในกลุ่มนี้แล้วล่ะก็ อย่าใช้ธีมเรซูเม่สีสันฉูดฉาดเลยนะ

ลองใช้ระบบทำเรซูเม่ออนไลน์ฟรีของ Resume.in.th ดูสิครับ ใช้งานง่าย มีอธิบายทุกขั้นตอน

11. ส่งเป็นไฟล์ PDF เท่านั้น

เมื่อคุณเขียนเรซูเม่ของตัวเองเสร็จแล้ว ก็อย่าส่งไฟล์ .doc หรือ .docx ให้ HR โดยเด็ดขาด ให้คุณแปลงไฟล์เป็น PDF ก่อนแล้วจึงส่งสมัครงาน เพราะเมื่อนำไปเปิดที่เครื่องไหน ก็จะได้หน้าตาเหมือนกันทั้งนั้น ไม่พัง และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

รวมไปถึงการส่งเรซูเม่เป็นไฟล์รูปภาพด้วย ถือเป็นการทำงานที่ไม่เรียบร้อยและไม่มืออาชีพเลย รูปภาพอาจดูสวยดีในโทรศัพท์ของคุณ แต่คุณเคยลองเปิดรูปนั้นบนคอมพิวเตอร์จอใหญ่หรือเปล่า? เคยซูมใหญ่ๆเพื่ออ่านข้อความไหม คุณจะเห็นว่าตัวอักษรภาพแตก และบางทีถึงขั้นอ่านไม่ออกเสียด้วยซ้ำ นั่นแหล่ะคือความแตกต่าง ถ้าคุณยังส่งไฟล์เรซูเม่เป็นรูปภาพอยู่ก็เลิกซะ แล้วอัพเกรดมาส่งเรซูเม่เป็นไฟล์ PDF แทนนะครับ

12. ทำเรซูเม่ออนไลน์ กับเว็บไซต์ resume.in.th สิครับ

เข้าสู่ช่วงสุดท้ายกันแล้ว ทิปส์ข้อที่ผ่านๆมาทั้งหมด เว็บเรซูเม่อินไทย (www.resume.in.th) สามารถช่วยให้คุณ สร้างเรซูเม่ออนไลน์ ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ทิปส์ทุกข้อที่พวกเรากล่าวมาได้อย่างดี ทำให้เรซูเม่ของคุณออกมาดี มีความเป็นมืออาชีพ เป็นระเบียบ ใช้สมัครงานได้ทันที ส่งผลให้คุณได้งานในฝันได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญคือใช้งานฟรีด้วยนะ ฟรีและดีแบบนี้ ลองใช้งานกันดูได้เลย

สร้างเรซูเม่สมัครงาน
ประสิทธิภาพสูง

สร้างเรซูเม่สมัครงาน ที่แสดงถึงความเก่งกาจของคุณออกมาได้ดีที่สุด
พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการสมัครงาน ใช้งานได้จริง สมัครแล้วได้งานเร็ว

เริ่มใช้งานฟรี

แบ่งปันบทความดีๆให้เพื่อนฝูง


Tags: #เรซูเม่ #เรซูเม่สมัครงาน #เขียนเรซูเม่ #Resume

บทความดีๆ เกี่ยวกับเรซูเม่

ตัวอย่าง Career Objective นักวิเคราะห์ข้อมูล สายงานต่างๆ

ตัวอย่าง Career Objective นักวิเคราะห์ข้อมูล สายงานต่างๆ

ตัวอย่าง Career Objective ที่น่าสนใจสำหรับตำแหน่งงานวิเคราะห์ข้อมูล สายงานต่างๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักศึกษาจบใหม่หรือมีประสบการณ์ทำงานมาแล้ว ก็สามารถนำไปปรับ
วิธีการใส่บุคคลอ้างอิง ลงในเรซูเม่

วิธีการใส่บุคคลอ้างอิง ลงในเรซูเม่

บุคคลอ้างอิง คือ บุคคลที่มีความรู้ความสามารถและสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครงานได้อย่างตรงไปตรงมาและเชื่อถือได้ บุคคลอ้างอิงที่เหมาะสมควรเป็นบุคคลที่รู้
ตัวอย่าง Career Objective นักศึกษาจบใหม่ ที่เอาไปใช้ได้เลย

ตัวอย่าง Career Objective นักศึกษาจบใหม่ ที่เอาไปใช้ได้เลย

รวมตัวอย่าง Career Objective หรือจุดมุ่งหมายในการทำงาน ของนักศึกษาจบใหม่ โดยเฉพาะ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเรซูเม่ของตัวเองได้เลย เด็กจบใหม่เอาไปใช้ได้เลย
วิธีใส่งานอดิเรกที่มีประโยชน์ลงในเรซูเม่ เพิ่มโอกาสการได้งาน

วิธีใส่งานอดิเรกที่มีประโยชน์ลงในเรซูเม่ เพิ่มโอกาสการได้งาน

ใส่งานอดิเรกลงในเรซูเม่ดีไหม? เป็นคำถามที่นักศึกษาจบใหม่ และผู้ไม่มีประสบการณ์ทำงานถามกันอยู่เสมอ ๆ มาดูเคล็ดลับการใส่งานอดิเรกที่มีประโยชน์ลงในเรซูเม่กัน
Career Objective จุดมุ่งหมายในการทำงาน ในเรซูเม่ สมัครงาน

Career Objective จุดมุ่งหมายในการทำงาน ในเรซูเม่ สมัครงาน

Career Objective หรือจุดมุ่งหมายในการทำงาน ทำหน้าที่เหมือนกับการแนะนำตัวผู้สมัครงาน ให้กับ HR ได้รู้จักคร่าวๆ ว่าตัวเองมีอะไรเป็นเป้าหมายในการทำงานอย่างไร
ตัวอย่าง Career Objective สายสุขภาพและความงาม

ตัวอย่าง Career Objective สายสุขภาพและความงาม

ตัวอย่าง Career Objective ที่น่าสนใจสำหรับตำแหน่งงานสุขภาพและความงาม สายงานต่างๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักศึกษาจบใหม่หรือมีประสบการณ์ทำงานแล้ว ก็สามารถนำไปปรับใช้
ตัวอย่างเรซูเม่สายไอที นักศึกษาจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์

ตัวอย่างเรซูเม่สายไอที นักศึกษาจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์

ตัวอย่างเรซูเม่นักศึกษาจบใหม่สายไอที ไม่มีประสบการณ์ เรซูเม่เปรียบเสมือนประตูสู่ความสำเร็จในการสมัครงานเพราะเป็นเอกสารแรกที่นายจ้างจะได้เห็น โดยเฉพาะสายไอที
เด็กจบใหม่ ใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่อย่างไร ให้ได้เปรียบ

เด็กจบใหม่ ใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่อย่างไร ให้ได้เปรียบ

ในกลุ่มเด็กจบใหม่ ประสบการณ์ฝึกงานที่ตรงสายกับตำแหน่งงานที่เราสมัคร มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก และสามารถสร้างความได้เปรียบให้คุณเหนือคู่แข่งได้เป็นอย่างดี
ขนาดกระดาษ และขอบกระดาษที่ใช้กับเรซูเม่มาตรฐาน

ขนาดกระดาษ และขอบกระดาษที่ใช้กับเรซูเม่มาตรฐาน

หากสมัครงานในประเทศไทย ก็ให้ใช้กระดาษ A4 พร้อมกับตั้งค่าขอบกระดาษให้ไม่ตกขอบ จะได้ไม่ผิดพลาด ส่วนการสมัครงานที่ประเทศอื่น ก็ให้ใช้ขนาดกระดาษมาตรฐานของประเทศ
วิธีการใส่ใบอนุญาต ลงในเรซูเม่ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

วิธีการใส่ใบอนุญาต ลงในเรซูเม่ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การใส่ใบอนุญาตลงในเรซูเม่ แสดงให้เห็นถึงความรู้ ทักษะ หรือความสามารถเฉพาะด้านที่มี ทำให้เรซูเม่น่าสนใจและโดดเด่นมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการได้งาน เลื่อนตำแหน่ง
วิธีการใส่คอร์สเรียน และใบประกาศลงในเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการใส่คอร์สเรียน และใบประกาศลงในเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคดีๆ ระบุชื่อคอร์สเรียน หรือใบประกาศ ระบุชื่อสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่จัดหลักสูตร ระบุวันที่เริ่มเรียนและวันที่จบ ระบุคะแนนหรือเกรดเฉลี่ย (ถ้ามี)
Soft Skills ที่ควรใส่ลงในเรซูเม่ สมัครงาน

Soft Skills ที่ควรใส่ลงในเรซูเม่ สมัครงาน

Soft skills ในเรซูเม่สมัครงาน คือทักษะด้านอารมณ์ สังคม และความคิด ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่น การแก้ปัญหา การประสบความสำเร็จในอาชีพ soft skills

เราได้รับความไว้วางใจจาก ผู้สมัครงานทั่วประเทศไทย

ตัวเลขเหล่านี้เป็นหลักฐานว่าทำไมถึงมีคนใช้งานเยอะ

800K

เรซูเม่ทั้งหมดที่สร้าง

30

ธีมเรซูเม่

215

สาขาอาชีพ

1.5K

จำนวนผู้ติดตาม